วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ทายนิสัยจากการเสียใจ

ร้องไห้ไม่ยอมหยุด เป็นคนที่จริงจังในชีวิต เมื่อเชื่อถืออะไรสักอย่าง ก็จะเชื่อมั่นอย่างนั้นไปตลอดกาล เป็นคนซื่อสัตย์ เกลียดการโกหกหลอกลวง และจะรับไม่ได้เลยกับการเอาเปรียบ ฉ้อโกง หรือรังแกกันและกัน แต่เมื่อผ่านวิกฤติการณ์ไปแล้ว หรือหลังจากผ่านการร้องไห้อย่างหนักไปแล้ว คนแบบนี้มักจะตัดใจหรือตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด................. เก็บตัวเพียงลำพัง เป็นคนสะเทือนใจง่าย ช่างคิด ชอบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล มักมีโลกส่วนตัวซึ่งยากที่ใครๆ จะเข้าถึง ติดนิสัยปิดกั้นตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์คับขันอย่างแท้จริง ก็จะเป็นผู้ที่มีความอดทนสูงอย่างไม่น่าเชื่อ อีกอย่างหนึ่งคือเป็นคนที่มีใจรักศิลปะ.............. อาละวาดหรือปาข้าวของ เป็นคนที่มักมีวัยเกขาดความอบอุ่น โตขึ้นจะมีนิสัยเรียกร้องความสนใจ จะมีความต้องการความรัก ความห่วงใยจากคนอื่นค่อนข้างมาก ชอบตอบโต้ผู้อื่นด้วยการแสดงท่าทีก้าวร้าว แต่ในใจลึกๆ แล้ว กลับไม่ใช่คนเก่งกล้าอะไรเลย แต่ในที่สุดแล้ว ก็ต้องการความรักและความเห็นใจจากคนอื่นๆมากเช่นกัน.................. ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นคนที่มีความหยิ่งอยู่ในตัว เป็นคนคิดมากเรื่องศักดิ์ศรี ไม่ชอบการตกเป็นเป้าสายตาใครในเรื่องเสียหาย และจะมีความเชื่อมั่นมากว่าตัวเองสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตของตัวเองได้ เมื่อมีปัญหาจะพยายามแก้ไขด้วยตัวเองก่อนที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น......... ออกเที่ยวหรือพบปะเพื่อนฝูงมากๆ เป็นคนที่รู้จักตัวเองดี รู้ว่าตัวเองมีเป้าหมายอย่างไรบ้างในชีวิต ต้องการอะไรกันแน่ เวลาทำอะไรก็จะผลักดันให้ตัวเองไปสู่เป้าหมายจนกว่าจะสำเร็จ เป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าลึกๆแล้วจะเจ็บปวดหรืออ่อนไหวแค่ไหน ก็จะอดทนไม่ยอมแพ้จัดว่าเป็นคนที่มีวุฒิภาวะสูงมากทีเดียว.......... ทำงานอย่างหนัก เป็นคนที่ชอบการลิขิตชีวิตตัวเอง ไม่เชื่อเรื่องของพรหมลิขิตหรือโชคชะตา จะภูมิใจมากในสิ่งที่ตัวเองหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงคนแบบนี้เมื่อรักใครก็จะ ทุ่มเทจนหมดกายหมดใจแต่ถ้าหมดรักใครก็จะตัดใจได้อย่างเด็ดขาดเช่นกัน และถ้าหากมีความสุขมากๆ ก็จะชอบแบ่งปันให้คนอื่น เพราะเป็นคนที่รักและจริงใจเพื่อนพ้องและครอบครัว ตราบใดที่คนอื่นๆ ไม่เข้ามาจุ้นจ้านยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมากเกินไป.......... หาทางแก้แค้น (กรณีคนอื่นทำให้เสียใจ) เป็นคนลุ่มหลงอะไรง่าย จนบางครั้งหลงผิดอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่รู้ตัว จะเป็นคนซีเรียสในเรื่องสมบัติทรัพย์สิน เป็นคนไม่ยอมคน หรือบางทียอมหักไม่ยอมงอด้วยซ้ำไป แต่ถ้ารักใครก็รักจริงเอามากๆ.............. เป็นไงคะ คำทำนายนี้ ตรงกับตัวเองรึเปล่า เราเป็นคนแบบนั้นจริงๆเหรอ ลองสังเกตดูนะคะ ^-^

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อยากจูงมือกันไปให้ไกล.....แต่เหมือนก้าวเท่าไรก่ไปไม่ถึง

อยากจูงมือกันไปให้ไกล แต่เหมือนก้าวเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึง (ใยไหม)          หากความคาดหวังไม่ได้ถูกแพ็กคู่มาพร้อมกับความสุข เราจะใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางที่เต็มไปด้วย "ความทุกข์" อีกนานแค่ไหน แม้ว่าคนสองคนจะอยากจูงมือกันไปให้ไกล แต่เหมือนก้าวเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึง จนทำให้สงสัยว่า การปล่อยมือจากกันจะเป็นวิธีสุดท้ายหรือเปล่า          เคยถามตัวเองไหมว่า เหตุผลให้ที่ทำให้เราท้อแท้กับความรัก ทำไมเวลาเรา "คาดหวัง" เรายิ่งรู้สึก "ขาด" มากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเราอยากรักกันไปให้นานที่สุด และมีอนาคตที่ยาวไกลที่สุด แต่ความหวังเหล่านี้ไม่เคย "เกิดขึ้น" หรือแม้แต่ "วี่แวว" ก็ไม่มี ความรู้สึกผิดหวังนี้ชวนให้เราเหน็ดเหนื่อยกับทุก ๆ ก้าวที่กำลังเดินอยู่           ที่ต้องเหนื่อยใจและท้อแท้เช่นนี้ อาจเป็นเพราะเราไม่เคยคิดในมุมกลับว่า การที่เราคาดหวังมากเกินไปนี่เอง ทำให้คนสองคนพลาดที่จะ "เรียนรู้" วิธีอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ความคาดหวัง...ไม่ใช่เรื่องผิด เราสามารถใช้ความคาดหวัง เป็นแรงผลักดันให้เราอยากไปจุดหมายเร็วขึ้นได้ แต่ต้องอาศัย "กำลังใจ" ที่จะก้าวไปด้วยกัน           ความรัก...ไม่ใช่ความเห็นแก่ได้ ที่อยากจะเอาโน้นเอานี่ตามใจตัวเองทุกอย่าง          ความรัก...สอนให้เรารู้จัก "ให้" และสอนให้เรารู้จัก "อดทน"          บางครั้งเราอาจอยากไปถึงเป้าหมายเร็ว ๆ แต่เราอาจเผลอลืมไปว่า...อีกคนเขาอาจไม่ได้คิดไปไกลเหมือนเรา เขาอาจกำลังมีความสุขกับปัจจุบัน มากกว่าที่จะรีบไปกอบโกยความสุขในอนาคต พอเราไปกระชากดึงเขาให้เดินเร็วขึ้น แล้วเขายังไม่พร้อมที่จะเร่งจังหวะไปกับเรา เดินไปด้วยกันก็มีแต่จะล้ม เพราะจังหวะไม่ตรงกัน          บางทีเราต้องรู้จัก "รอคอย" เหมือนเวลาที่เราวิ่งไปข้างหน้า หากอีกคนวิ่งไม่ไหว ก้าวไปอีกหนึ่งก้าวก็อาจล้มได้ง่าย ๆ เราต้องรู้จักให้เวลาเขาพักเหนื่อย และให้ตัวเราได้พักบ้างเช่นเดียวกัน หากมองให้เป็นโอกาส มันก็เป็นโอกาสที่เราจะได้ใส่ใจความรู้สึกของคนรักให้มากขึ้น          รักจะดีจะร้าย อยู่ที่เราให้ "ค่า" กับความรักนั้น จำไว้ว่าทุก ๆ การเดินทางย่อมมีจุดหมายรออยู่เสมอ ยังมองไม่เห็นจุดหมาย ไม่ได้แปลว่าจุดหมายนั้นไม่มี หากรู้สึกว่า "ก้าวเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึง" ก็ใช่ว่าเราจะไม่มีวันไปถึง ขอเพียงจูงมือก้าวไปด้วยกัน ช่วยเหลือ และรอคอยกัน ไม่นานเราต้องได้เห็นจุดหมายที่ฝันไว้แน่นอน          บนเส้นทางความรัก คนที่เดินอยู่ข้าง ๆ เรา เขาอาจไม่ใช่นักเดินทางที่ก้าวไปถึงจุดหมายได้เร็วเท่ากับคนอื่น แค่เรา "เต็มใจ" จะก้าวไปพร้อม ๆ กัน ก็น่าจะพอเพียงแล้ว จงปล่อยให้ความรักเป็นเรื่องอารมณ์ดี อย่ากำหนดกฎเกณฑ์อะไรมากมายเลย ยิ่งมีเงื่อนไขหรือกติกาเยอะ คนที่เดินร่วมทางกับเราก็ยิ่งลำบาก ปล่อยให้รักเป็นเรื่องสบาย ๆ เพียงคนสองคนให้โอกาสกันและกัน ได้เดินในจังหวะที่ตัวเองอยากเดิน ไม่มีการบังคับ ไม่มีการฝืนใจ เพียงแค่นี้ความรักก็จะเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้ง่ายขึ้น          จุดหมายข้างหน้าไม่สำคัญเท่ากับระหว่างทางที่ก้าวเดินไปด้วยกัน ไม่ว่าทางข้างหน้าจะยาวไกลแค่ไหน บางทีการไม่คิดว่า "เมื่อไหร่จะไปถึง" อาจทำให้เราไปถึง "เร็วขึ้น" ก็ได้ ใครจะไปรู้!เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย 

ฉันหนึ่งคน...ถึงเทอ...อีกหนึ่งคน

บางครั้งก็เป็น..เรื่องแปลก ในความรักของคน..สองคน ยิ่งผูกพันยิ่งใกล้ชิด แต่กับความรักเหมือนยิ่งห่าง เหิน บางทีเคยพยายาม ค้นคว้า หาคำตอบ ว่าเพราะอะไร จึงเป็นเช่นนั้น ในรักของสองเรา จนวันสุดท้าย..คำถามก็ยังคง..ไม่ได้คำตอบ........... ฉันอาจ..กลายเป็นคนผิดที่..ยังรักเธอฉันอาจ..กลายเป็นคนเพ้อเจ้อ ที่ยังคิดว่าเรา..ยังรักกันและฉันคง..คิดไปเอง ทว่าแท้ที่จริง รักของสองเรานั้น..มันคงไม่มีจริง..ตั้งแต่ต้น............. เธออาจจะเป็น..แค่คนหนึ่งคน ที่ต้องการแค่ความรัก ชั่วคราว..ไม่จริงจังเธออาจจะเป็น..แค่คนหนึ่งคน ที่หัวใจกว้าง ไร้ขอบเขต คงไม่มีที่..สิ้นสุดและ เธอก็ยังคงอยู่ตรงนั้น แต่กับฉัน กับรู้สึกว่ามันช่างเหมือนไกลเกิน ที่ความจริงจะตาม..ไปบอกเธอ............. คนหนึ่ง..คอยถาม แต่อีกคนหนึ่ง..ไม่อยากบอกคนหนึ่ง..รักมากเพิ่มขึ้น แต่อีกคนหนึ่ง..กลับค่อยๆหมดรักลงคนหนึ่ง..คิดถึงกัน แต่อีกคนหนึ่ง..กลับคิดถึงใคร............. คนหนึ่ง..ทำทุกอย่างเพื่อให้ชิดใกล้ แต่อีกคนหนึ่ง..ไม่เคยหยุดลงที่ใครคนหนึ่ง..ยังห่วงใยเสมอ แต่อีกคนหนึ่ง กลับมองเป็น..น่ารำคาญคนหนึ่ง..ทำแทบทุกอย่าง แต่อีกคนหนึ่ง..กลับไม่เคยใส่ใจ.............. คนหนึ่ง..ในฝันมีเพียงเธอ แต่อีกคนหนึ่ง..ในฝันหยุดอยู่ที่ใครคนหนึ่ง..รักมากหมดใจ แต่อีกคนหนึ่ง..หัวใจไม่เคยเต็มและ คนหนึ่ง..เริ่มหมดแรง แต่อีกคนหนึ่ง..ก็ยังไม่เคยแคร์อะไร........... บางครั้งของคนหนึ่ง เคยพยายามหาคำตอบว่า อีกคนหนึ่ง ยังรักษา คำว่า..รัก ของเราได้แค่ไหนบางทีของคนหนึ่ง..อาจจะผิดเอง ที่มองงต่างมุม ในความรักที่..คนหนึ่งให้มาและ บางอย่างของคนหนึ่ง..อาจจะต้องกลับมาทบทวน ในคำว่า..รัก ที่มอบให้..อีกคนหนึ่งไป..............
ซึ่งในบางครั้งของคนหนึ่ง แค่เพียงแค่ปลายมือจะเอื้อมคว้า ให้อีกคนหนึ่งกลับมา แต่ไม่กล้าดึงเธอกลับมาเหมือนเช่นเคย หรือเพราะว่า รักของสองเรา..มันเก่าไปความรักไม่จำเป็นต้องบอกว่า..รัก  แค่เพียงเธอ รู้จักและ..เข้าใจขอเพียง ไม่กลับกลอก ทอดทิ้ง และ..จริงใจ ดีกว่าบอกรักให้ไป แต่ความจริง..ไม่จริงจัง............. ถ้ารักแล้ว..เจ็บช้ำ จะรักไปเพื่อ..สิ่งไหนถ้ารักแล้ว..ไม่ใส่ใจ แล้วรักกัน..เพื่ออะไรถ้ารักแล้ว..ทอดทิ้งก็จง..ทิ้งไปถ้ารักแล้ว..มันไม่ดีพอ ก็อาจจะเป็นเธอ..ที่ไม่พอดี............ ท้ายที่สุด..คนหนึ่งก็คงไม่พ้น คำว่า.ไม่มีกันละกันท้ายที่สุด..คนหนึ่งก็คงไม่พ้น คำว่า..มันเหนื่อยใจท้อใจและท้ายที่สุด..ของคนหนึ่งอาจจะ ไม่เหลือเวลาดีๆ ในหัวใจ ให้คิดถึงอีกคนหนึ่งเลย..สักครั้ง.............. ท้ายที่สุดก็คงต้องจบลงสักวัน การเลิกลากันไม่ใช่..เรื่องยาก หากแต่เรื่องที่ยากที่สุด..ของอีกคนหนึ่ง คือ ไม่ว่าความรักจะ..จากไป แต่ความผูกพันไม่เคย..จากตาม ยังคงอยู่ตรงนั้น ตรงที่เธอ..ไม่เคยมีใจ............. บางอย่าง..ที่เคยหลุดหาย อาจกลับมา เพราะ..ยังมีใจแต่บางอย่าง ถ้าจากไป เพราะสิ้นเยื่อใย ก็คงยากจะ..กลับมา++++++++++++++++++++++credit : Kaveesiansouth.com

บาดแผลแห่ง....วันเวลา

เมื่อความฝัน และ..ความหวังที่เคยร่วมสร้าง..กันมาถูกพราก..จากไป ด้วยคำว่า..ลาในใจที่..ไม่จริงจังซึ่งอีกคน ที่อยู่กับสิ่ง..ที่ทิ้ง..เอาไว้เบื้องหลัง..ความขมขื่น..ตามลำพังสุดแสนสาหัส..กว่าจะหลุดพ้นต้องนับ..กี่หยดน้ำตา ก็ไม่สามารถ..ประมาณได้ซึ่งบาดแผลภายนอก..ทุกอย่างในโลก..ใบนี้กาลเวลา..ก็คงทำหน้าที่..ของมันได้อย่าง..สมบูรณ์แบบหากแต่..แผลในใจ แม้เพียง..จะน้อยแม้เพียง..จะเล็ก..แต่มันเจ็บ..และ..จำลึกคงไม่มี..สิ่งไหน จะมารักษา แผลในใจ..ของเราได้ดีไปกว่า..ใจ..ของ..เรา..เองเมื่อแรก..เริ่มรัก ก็ต้องใช้..ใจสัมผัสเมื่อรัก..จากไป..ก็คงต้องใช้ใจ..ล้างใจ++++++++++++++++++++++++++++++++++cradit  :  Kaveeที่มา  :  siamsouth.com

ถ้าเราไม่ดี....ก่ควรที่จะปล่อยเขาไปเจอคนที่คู่ควรกับเขา

เขียนโดย : TARO       หากการเดินทางของความรักมีเพียง 2 ทางให้เลือกเดิน คือเดินไปให้ถึงปลายทาง และเดินถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้น เราจะเลือกเดินทางไหน เป็นใครก็ต้องอยากไปให้ถึงปลายทางแห่งความสุข แต่เราต้องยอมรับความจริงของชีวิตว่า...สุดท้ายแล้ว ตรงปลายทางย่อมมีคนที่พบกับความสุขสมหวัง และมีคนที่เศร้าเสียใจกับความรักเป็นธรรมดา
          มีคนกล่าวว่า...ความรักไม่ใช่เกม ความรักคือความรัก คือเรื่องบริสุทธิ์ของคนสองคน          แต่ความเป็นจริงแล้ว เมื่อใดที่เรามีความรัก เราก็เหมือนหลงเข้าไปเล่นเกมโดยไม่รู้ตัว เพราะนี่คือกลไกทางธรรมชาติที่ใครก็ปฎิเสธไม่ได้ หากพิสูจน์ใจเขาด้วยบททดสอบอะไรบางอย่าง นั่นคือเกมหนึ่งที่เรากำลังเป็นฝ่ายเดินเกม และเป็นฝ่ายนำแต้ม แต่หากวันใดวันหนึ่งเกิดแพ้ใจเขาขึ้นมา เราไม่รู้หรอกว่ากำลังจะเสียแต้มให้เขา อาจจะเสียแต้มเพราะความดี ความเอาใจใส่ และความรักที่เขาหยิบยื่นให้           อย่างไรเสีย ความรักก็คือเกมอยู่วันยังค่ำ วันใดวันหนึ่งหากเขาเกิดอยากล้มกระดานเกมความรักขึ้นมา และเดินจากไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ถามว่าเสียใจไหม แน่นอน..เป็นใครก็ต้องเสียใจ เสียเวลา และเสียความรู้สึก จนเกิดคำถามมากมายตามมา         "ทำไมเขาถึงต้องทำกับเราอย่างนี้"          "ทำไมเขาถึงต้องเดินจากไปทั้ง ๆ ที่เรารักเขามาก"       "ทำไมเขาถึงรักตัวเองได้มากมายขนาดนี้"           และคำถามเหล่านี้ก็มีคำตอบรอเราอยู่แล้ว "เพราะเกมความรักของเราเริ่มไม่สนุกสำหรับเขายังไงล่ะ"          เราอาจเป็นฝ่ายเดินนำเกมมากเกินไป จนทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นฝ่ายตามอยู่ตลอเวลา เขาอาจเบื่อหน่ายความรักที่กลายเป็นสิ่งเดิม ๆ จนอยากโละทิ้ง และอยากเข้าไปเล่นเกมใหม่ ๆ กับใครคนใหม่ เราต้องยอมรับความจริงว่า มนุษย์ย่อมมีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ มีทั้งเบื่อ มีทั้งอยาก และถ้าหากเรายอมรับความจริงข้อนี้ได้ เราก็จะรู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเราเลย แม้แต่นิดเดียว          เขาเป็นเพียงมนุษย์เดินดินธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความมั่นคงทางจิตใจมากพอ เขาเป็นเพียงเด็กที่อยากเล่นเกมใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา และเขาก็เป็นเพียงคนที่เราควรปล่อยให้ไปเล่นเกมใหม่ได้เลยทันที ที่เขาอยากจะไป          คนทุกคนมักทำอะไรอย่างมีเหตุผลและไม่มีเหตุผล หากเขาเดินจากไปอย่างไม่มีเหตุผล ก็ไม่ได้หมายความว่าเราน่าเบื่อเกินไปสำหรับเขา หรือเขาเลวเกินไปสำหรับเรา คนสองคนไม่ได้เกิดมาเผื่อเป็นคู่กันต่างหาก ต่อให้ทุ่มเทความรักให้เขามากมายเพียงใด คนสองคนก็ไม่ใช่คู่กันอยู่ดี         และหากเขาเดินจากไปอย่างมีเหตุผล นั่นอาจเป็นเพราะเขาต้องทำเพื่ออะไรสักอย่าง ไม่ใช่อะไรเพื่อเรา ก็คงเป็นเพื่อตัวเขา เหตุผลมันมีได้หลายร้อยพันประการ แต่ "เขาไม่รัก" ก็น่าจะเป็นผลเหตุเดียว ที่ครอบคลุมความหมายทั้งหมดของคำว่า "เดินจากไป" และคนที่ต้องมีความหนักแน่น ในการยอมรับเหตุผลนั้นมากที่สุดก็คือตัวเราเอง

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วันลอยกระทง

ลอยกระทง เป็นประเพณีในคืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ ปีนี้ ตรงกับวันพุธที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ประเพณีลอยกระทง สืบทอดมานาน ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีมาแต่เมื่อไร ในพระราชนิพนธ์สมเด็จ พระจุลจอมเกล้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เรื่องพระราชพิธี ๑๒ เดือน กล่าวไว้ว่า "การลอยพระประทีปกระทงนี้ เป็นนักขัตฤกษ์ที่รื่นเริงทั่วไปของชนทั้งปวง ไม่เฉพาะแต่การหลวง แต่จะนับว่าเป็นพระราชพิธีอย่างใดก็ไม่ได้ ด้วยไม่ได้มีพิธีสงฆ์พิธีพราหมณ์อันใดเกี่ยวข้องเนื่องในการลอยพระประทีปนั้น เว้นไว้แต่จะเข้าใจว่าตรงกับคำว่าลอยโคมลงน้ำเช่นที่กล่าวมาแล้ว แต่ควรนับว่าเป็นราชประเพณี ซึ่งมีมาในแผ่นดินสยามแต่โบราณ ตั้งแต่พระนครยังอยู่ฝ่ายเหนือ" ส่วนในหนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ในพระราชนิพนธ์สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 หรือตำนานนางนพมาศ พระสนมเอกของพระมหาธรรมราชาลิไทยหรือพระร่วง แห่งกรุงสุโขทัย ได้กล่าวถึงการเสด็จประพาสลำน้ำตามพระราชพิธีในเวลากลางคืน มีรับสั่งให้พระสนมนางในตกแต่งกระทงประดับดอกไม้ธูปเทียนนำไปลอยหน้าพระที่นั่ง ในคราวนั้นท้าวศรีจุฬาลักษณ์ได้ประดิษฐ์กระทงเป็นรูป ดอกบัวกมุทขึ้น ด้วยเห็นว่าเป็นดอกบัวพิเศษที่บานในเวลากลางคืนเพียงปีละครั้งในวันดังกล่าว สมควรทำเป็นกระทงแต่งประทีป ลอยไปสักการะรอยพระพุทธบาท ซึ่งเมื่อพระร่วงเจ้าได้รับทราบถึงความหมาย พระองค์จึงมีพระราชดำรัสว่า "แต่นี้สืบไปเบื้องหน้าโดยลำดับ กษัตริย์ในสยามประเทศถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์ วันเพ็ญเดือน ๑๒ ให้นำโคมลอยเป็นรูปดอกบัว อุทิศสักการะบูชาพระพุทธบาทนัมทานที ตราบเท่ากัลปาวสาน" ด้วยเหตุนี้ ภายหลังประเพณีของหลวงจึงถูกเรียกว่า "ลอยพระประทีป" ต่อมาชาวบ้านเปลี่ยนเรียกเป็น "ลอยกระทง ทรงประทีป" แล้วเปลี่ยนเป็นลอยกระทงแทนภายหลัง ส่วนรอยพระพุทธบาท เล่ากันว่าพระยานาคได้อัญเชิญพระพุทธเจ้าทรงเหยียบประดิษฐานไว้บนหาดทราย ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทา (อยู่ในอินเดีย) ครั้นวันเพ็ญเดือน ๑๒ หน้าน้ำ พระยานาคก็จะขึ้นมานมัสการรอยพระพุทธบาท การลอยกระทงที่คล้าย ๆ กับของไทยเรายังมีในจีน อินเดีย เขมร และพม่า จะต่างกันก็เพียงพิธีกรรมและ ความเชื่อ แม้ในไทยเองก็มีความเชื่อ ความศรัทธาในเรื่องนี้อย่างหลากหลาย เช่น เชื่อว่าลอยกระทงเพื่อ - บูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า - บูชาพระอุปคุตเถระ ที่บำเพ็ญบริกรรมคาถาในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล ซึ่งตำนานเล่าว่าเป็น พระเถระที่มีอิทธิฤทธิ์มาก สามารถปราบพญามารได้ - ต้อนรับพระพุทธเจ้าในวันเสด็จกลับจากเทวโลกเมื่อครั้งไปโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ - แสดงความขอบคุณ และขอขมาพระแม่คงคาซึ่งเป็นแหล่งน้ำให้มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์ต่าง ๆ - ระลึกถึงและส่งของไปให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับ ตลอดจนสะเดาะเคราะห์หรือลอยทุกข์โศกโรคภัยต่าง ๆ รวมทั้งอธิษฐานเพื่อขอสิ่งที่ปรารถนา แม้จะเกิดจากความเชื่อที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่คือการระลึกถึงผู้มีพระคุณ ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธองค์ พระแม่คงคา หรือบรรพชนผู้ล่วงลับด้วยการลอยกระทงไปแสดง ความกตัญญูรู้คุณ นั่นเอง นอกจากนี้ในทางวัฒนธรรมวิถีชีวิต ลอยกระทงยังมีคุณค่าต่อเนื่องไปถึง - คุณค่าต่อครอบครัว ทำให้พ่อ แม่ลูก ได้ทำกิจกรรมด้วยกัน เช่น ช่วยกันประดิษฐ์กระทงและไปลอย ร่วมกัน - คุณค่าต่อชุมชน ทำให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีในชุมชน ทำให้มีโอกาสพบปะสังสรรค์ สนุกสนานร่วมกัน ทั้งยังช่วยสืบทอดช่างฝีมือท้องถิ่น - คุณค่าต่อศาสนา เช่น มีการทำบุญให้ทาน ถือศีลที่วัด หรือบูชารอยพระพุทธบาทนำมาซึ่ง การน้อมรำลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า - คุณค่าต่อสังคม ทำให้เอื้ออาทรต่อสิ่งแวดล้อม ตระหนักถึงความสำคัญของแหล่งน้ำลำคลอง ที่ได้ใช้สอย อำนวยประโยชน์ต่อเราทั้งทางตรงและอ้อม โดยช่วยกันขุดลอกให้สะอาดไม่ทิ้ง สิ่งปฏิกูล อย่างไรก็ดี น่าสังเกตว่า ปัจจุบันการจัดประเพณีลอยกระทงแทบจะเป็นรูปแบบเดียวกันหมด นั่นคือ มุ่งเน้นความสนุกรื่นเริงเป็นหลัก มุ่งหวังด้านการท่องเที่ยวและรายได้เป็นสำคัญ ที่สร้างปัญหารำคาญใจแก่ ชาวบ้านมากคือ การจุดประทัด พลุ และดอกไม้ไฟกันอย่างคึกคะนอง และเล่นโดยไม่เลือกสถานที่ จนก่อให้เกิดเพลิงไหม้ หรือบาดเจ็บ ซ้ำร้ายกว่านั้นยังมีการดื่มของมึนเมา (จนมีคำประชดว่า "คนไทยเมาได้ทุกเทศกาล") เมื่อเมาแล้วขาดสติก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ทำให้ตนเองหรือผู้อื่นพิการหรือเสียชีวิต บางแห่งก็เน้นประกวดความงาม จนชักนำหนุ่มสาวไปสู่ค่านิยมที่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย สิ่งเหล่านี้ กำลังจะทำให้ประเพณีลอยกระทงที่เคยงดงามด้วยความเชื่อ ความศรัทธา กลายรูปแบบและคุณค่าเหลือแต่ความอลังการ ฉาบฉวย จริงอยู่ เราคงไม่ปฏิเสธว่าประเพณีเป็นสิ่งที่ปรับเปลี่ยนได้ตามยุคสมัยไม่ตายตัว "แต่คุณค่าทางวัฒนธรรมต้องคงอยู่" หาไม่แล้ว ประเพณีจากมรดกทางวัฒนธรรมก็จะกลายเป็นแค่ "ซาก" ที่มีไว้ประดับเมือง เพิ่มราคา แต่ไม่ได้ประดับใจให้ได้ปัญญา เอาเสียเลย

ส่วนลึกสุดสุ......!

ความในใจของชาน....!
..........................ชานรักผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่ตอนแรก เริ่มจากเป็นเพิ้ลกาน....................... ........................พอ เริ่มจบปวช.3 เราก่หากกาน ไปเรียนคนละที่............................ .........................เราต่างมีแฟนเมือนกาน แต่สุดท้าน เราก่ได้เลิกลากับแฟนเรา.................... ...........เมือนกานอีก เราเป็นเพิ้ลที่ อักษร ชื่อจิง ว ก่เมิอนกาน ชื่อเล่น บ ก่เมือนกานอีก................. ...............................เราเปนเพิ้ลกานที่มีอาไรเมือนกานเยอะมาก.......................... .........................จนตอนนี้ เราสองคน ได้เป็นกาน จากกานเป็นเพิ้ลกาน....................... ...............มาเป็น แฟน กานแล้วน๊ ความในใจของเค้าที่จะบอกคือ เค้ารักอ้วนนะ...................... ...........................BEE............LOVE............BAS........................

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เรียนต่อจ้า

เรียนต่อ ปวส. ที่วิทยาลัยเทคนิคราชบุรีนี้เพราะ อยากเป็นสาวออฟฟิต เรียนวิชานี้แล้วชอบ อยากอยู่กับเพื่อนเก่า ๆๆๆๆๆ ไม่อยากไปเรียนที่อื่นด้วย ชอบแผนกนี้ค่ะ

วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2555

เลขานุการ

ความหมายของเลขานุการ

         เลขานุการ  ในความเห็นหรือความเข้าใจของคนทั่วไป  ไม่ว่าจะเป็นภาคราชการหรือเอกชน  จะหมายถึง บุคคลคนหนึ่งที่เป็นคนสนิทหรือใกล้ชิด ที่ทำหน้าที่ดำเนินการสารพัดประโยชน์ให้แก่ผู้บังคับบัญชาหรือนายจ้าง แต่ในความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ได้ให้ความหมายไว้ว่า เลขานุการ คือผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับหนังสือหรืออื่น ๆ ตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่ง   ส่วนในมาตรฐานอาชีพ ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้ให้คำนิยามของอาชีพเลขานุการว่า เป็นผู้ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริหารขององค์กรในการบริหารจัดการงานขององค์กรให้บรรลุผลสำเร็จตามนโยบาย และเป้าหมายขององค์กร ตลอดจนช่วยแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการบริหารจัดการให้เป็นไปด้วยความราบรื่น และรวดเร็ว
          เลขานุการ ในภาษาอังกฤษ คือ Secretary เป็นคำศัพท์ที่มาจากภาษาลาตินว่า “Secretum” แปลว่า “Secret” ซึ่งแปลเป็นภาษาไทย คือ “ความลับ” ผู้ที่ทำงานในตำแหน่งเลขานุการ ก็คือผู้ที่รู้ความลับ และเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจให้เก็บความลับของผู้บังคับบัญชาหรือนายจ้าง งานเลขานุการเป็นงานสำคัญ ผู้เป็นเลขานุการต้องรอบคอบ เป็นผู้ที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้ และเหมาะสมแก่ตำแหน่ง

          มีตำราทางวิชาการได้ให้ความหมายของเลขานุการตามพยัญชนะในภาษาอังกฤษของคำว่า “Secretary” ไว้ดังนี้
          S หมายถึง SENSE คือ ความมีสามัญสำนึกรู้จักรับผิดชอบในการทำงานว่า สิ่งใดจึงควรและไม่ควร เป็นผู้ไม่ทำงานโดยปราศจากความยั้งคิด รวมถึงการแต่งกายให้ถูกต้องตามกาลเทศะ และมีการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดด้วย
         E หมายถึง Efficiency คือ ความมีสมรรถภาพในการทำงาน สมรรถภาพเป็นเรื่องที่มีอยู่ในตัวบุคคล บุคคลย่อมมีสมรรถภาพมากน้อยแตกต่างกัน การปฏิบัติงานและผลงานจะแสดงถึงสมรรถภาพของการทำงานที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
          C หมายถึง Courage ความมุมานะของบุคคล ซึ่งขึ้นอยู่กับจิตใจที่จะทำงานให้สำเร็จตามความมุ่งหมาย
R หมายถึง Responsibility ความรับผิดชอบ กล่าวคือ ต้องเป็นผู้ลงมือทำงานด้วยตนเอง และต้องรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่คอยรับงานจากผู้อื่นอย่างเดียวเท่านั้น
         E หมายถึง Energy พลังในการทำงาน เลขานุการต้องรู้จักแบ่งเวลาการทำงานให้ถูกต้อง เพื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนตามสมควรด้วย อันจะส่งผลต่อการทำงานในระยะยาว
         T หมายถึง Technique การรู้จักดัดแปลงให้เหมาะสม เทคนิคนี้เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล แต่อาจเลียนแบบจากผู้อื่นเพื่อให้เทคนิคนั้นดีขึ้นได้ 
         A หมายถึง Active เลขานุการต้องตื่นตัวอยู่เสมอ แม้จะมีงานมากก็ต้องมีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ
R หมายถึง Rich ความสมบูรณ์ในด้านจิตใจและศีลธรรม หากเลขานุการเป็นผู้ที่ด้อยศีลธรรมและวัฒนธรรม อาจทำให้การงานเสียผลได้ แต่ในทางกลับกันหากเลขานุการเป็นผู้มีคุณธรรมดี ก็จะนำความเจริญมาสู่ตนเองและองค์กรที่ตนทำงานอยู่ได้
          Y หมายถึง Youth ตำแหน่งเลขานุการเหมาะสำหรับคนอายุน้อย ๆ เพราะงานนี้เป็นงานที่จะต้องติดต่อกับคนทั่วไป 
          ไม่ว่านิยามของเลขานุการจะเป็นอย่างไร  ส่วนใหญ่ในภาคราชการเราจะเห็นภาพของเลขานุการเป็นบุคคลที่จะต้องปฏิบัติงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ทั้งงานประจำและงานพิเศษเป็นครั้งคราว  ในภาคเอกชนนั้นเลขานุการจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ช่วยมือขวาของนักบริหารเลยทีเดียว เพราะจะทำหน้าที่เสมือนเป็นผู้ช่วยจัดการระบบการทำงานของนักบริหารให้มีประสิทธิภาพ

 ประเภทของเลขานุการ
                การแบ่งประเภทเลขานุการมีหลายรูปแบบ  ในที่นี้จะแบ่งเป็นเพียง 2 ประเภท คือ
                1. เลขานุการส่วนตัว (ส่วนบุคคล) (Private or Personal Secretary)                        
                2. เลขานุการสำนักงาน (Office Secretary)
           เลขานุการส่วนตัว หรือเลขานุการส่วนบุคคล เพียงชื่อก็สามารถจะเข้าใจความหมายในตัวได้อยู่แล้วว่า เป็นผู้ที่ทำงานให้นายจ้างหรือผู้บังคับบัญชาเฉพาะคนคนเดียวเท่านั้น 
          เลขานุการสำนักงาน เป็นเลขานุการที่ทำงานให้กับส่วนรวม โดยมิได้เป็นเลขานุการของใครคนใดคนหนึ่งโดยตรง


เอกลักษณ์ของเลขานุการ

          Kiss  ต้องเป็นผู้ที่มีความรอบคอบในการทำงาน                                                      
             Kiss  เป็นผู้ที่นายจ้างไว้ในได้มากที่สุด                                                                              
             Kiss  สามารถประสานงานกับคนอื่นหรือองค์กรอื่นได้ดี 
             Kiss  เชี่ยวชาญในวิชาชีพเลขานุการ
             Kiss  แต่งกายที่สุภาพและสามารถเข้ากับคนอื่นหรือกับเพื่อนร่วมงาน